เปรียบเทียบ เน็ตบ้าน Fiber อัพเดทปี 2024
1701 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของใครหลายคนทำให้แทบทุกบ้านในประเทศไทยมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าถึง และสำหรับใคร ที่กำลังจะติดเน็ตบ้าน หรือ กำลังจะเปลี่ยนโปรเน็ตบ้านในปี 2024 นี้ ต้องแวะดูที่นี่เลย เพราะทีมงานรวบรวมมาให้จากทุกค่ายแล้ว โปรไหนเด็ด โปรไหนคุ้มเราสรุปมาให้หมดแล้ว
แพ็กเกจเน็ต Fiber ประกอบไปด้วย 4 ค่ายหลัก คือ- 3BB
- AIS Fibre
- TrueOnline
- NT
เบื้องต้นหลังจากที่ AIS ควบรวมกับ 3BB ในวงการเน็ตบ้านแล้ว ก็พบว่าแพ็กเกจของทั้งสองค่ายนี้แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ทำให้ภาพรวมจะเหลือแค่ 2 ค่ายเน็ตที่ออกโปรโมชันมาแข่งกันจริง ๆ เพราะ NT ก็ดูจะไม่ได้มีโปรโมชันมาแข่งเยอะแยะอะไรมากมาย แต่จะแข่งด้านราคาแทนเพราะที่ราคาเท่ากันจะได้ความเร็วมากกว่า
ซึ่งในปีนี้นวัตกรรมใหม่หรือสิ่งใหม่ที่ใส่เข้าในแพ็กเกจเน็ตบ้านคือ การพ่วงบริการสตรีมมิ่งที่มีความหลากหลายมากขึ้น หรือบริการ Subscription อย่าง Microsoft 365 รวมไปถึงบางแพ็กเกจได้มีการเพิ่มประกันภัยเข้าไปด้วย ทั้งประกันตัวบ้าน และประกันภัยส่วนบุคคล ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่จะมาในแนวอุปกรณ์ IoT กล้องวงจรปิดและอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Mesh Wi-Fi มากกว่า
ความเร็วแต่ละช่วงค่ายไหนคุ้มสุด
- ความเร็วต่ำกว่า 1000 Mbps (200-700 Mbps)
กลุ่มเริ่มต้นที่น่าสนใจที่สุดคงต้องยกให้ทาง NT Super Plus Fiber ที่ให้ความเร็วสูงถึง 400/400 Mbps ในราคาเพียงเดือนละ 390 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดของอินเทอร์เน็ตบ้าน และความเร็วระดับนี้เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ไม่ว่าจะใช้ทำงาน เล่นเน็ต ดู YouTube Netflix ความละเอียด 4K ได้สบาย ๆ แต่จะติดแค่ว่าจะหาศูนย์บริการที่รับติดตั้งบริเวณบ้านได้ไหมมากกว่าครับ
2. ความเร็วดาวน์โหลด 1000 Mbps
โปรที่น่าสนใจคือ BYOD ของ AIS และ CYOD ของ True ที่ได้ความเร็ว 1000/500 Mbps ในราคาเพียงเดือนละ 599 บาท และที่สำคัญคือไม่ต้องเป็นลูกค้ารายเดือนในฝั่งมือถือด้วย แต่การที่จะใช้แพ็กนี้ได้เราต้องมีตัว Router ของตัวเองด้วยถึง เพราะในแพ็กจะมีอุปกรณ์มาให้เราแค่ตัวแปลงจาก Fiber Optic เป็นสาย LAN เท่านั้น ไม่มีอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi มาให้นะ
3. ความเร็วเกิน 1000 Mbps
กลุ่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความจัดเต็ม หรือในบ้านมีคนใช้งานพร้อมกันเยอะ ๆ แล้วต้องการให้ใช้งานได้ลื่นไหลที่สุด ซึ่งในตอนนี้ในไทยแทบจะทุกค่ายที่มีความเร็วระดับนี้แล้ว ยกเว้น NT เจ้าเดียวเท่านั้น
โดยแพ็กเกจที่เราแนะนำคือ CYOD ของ TrueOnline ความเร็ว 2000/500 Mbps ในราคาเดือนละ 999 บาท หรือถ้าคิดว่ายังแรงไม่พอก็มีแพ็กเกจอีกค่ายอย่าง BYOD ของ AIS ความเร็วระดับ 2000/1000 Mbps ในราคาเดือนละ 1299 บาท
สรุป
เมื่อเราเปรียบเทียบโปรเน็ตบ้านจากทั้ง 4 ค่ายนี้ กรณีที่ถ้าใช้เน็ตอย่างเดียว ไม่ได้สนใจสิทธิพิเศษที่พ่วงมาด้วยในแพ็ก ส่วนตัวมองว่าโปร BYOD ของ AIS และ CYOD ของ True ราคาเดือนละ 599 บาท ดูคุ้มค่าที่สุดเพราะได้ความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับ 1000 Mbps ในราคาที่ไม่สูงมาก ซึ่งถ้าเทียบกับโปรทั่วไปจะมีราคาสูงกว่านี้ แต่อย่าลืมว่าถ้าใช้แพ็กนี้เราต้องมี Router ของตัวเองด้วย
หรือถ้าได้ใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่มีให้มาในแพ็ก ก็แนะนำว่าให้เลือกสมัครแบบที่มีรายการอื่นพ่วงมากด้วยจะคุ้มค่ากว่า แต่ต้องลองไปเลือกกันดูเองเพราะ แต่ละค่ายก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาคือถ้าเราใช้เน็ตมือถือแบบรายเดือนค่ายไหนอยู่ ก็ให้สมัครเน็ตบ้านกับค่ายนั้นไปเลย เพราะจะได้ส่วนลดรายเดือนเพิ่มอีกหลายร้อยบาท เพิ่มความคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปขึ้นอีกพอสมควรเลย
หลังจากที่ AIS ควบรวมกับ 3BB ในธุรกิจเน็ตบ้านเรียบร้อยแล้ว โปรโมชันส่วนใหญ่ที่ออกมาก็แทบจะไม่แตกต่างกับ AIS เลย แต่ก็จะมีบางแพ็กที่ผลัดกันแพ้พลัดกันชนะบ้างลองไปเลือกกันดู และอีกค่ายอย่าง NT ที่หลายคนมองว่าเป็นค่ายนอกกระแส แต่เมื่อไปดูโปรโมชั่นจริง ๆ จะพบว่าราคาดีใช้ได้เลย จ่ายราคาเท่ากันแต่ได้ความเร็วมากกว่า
ส่วนด้านข้อสังเกตคือ ปัจจุบันไม่มีแล้วแพ็กที่ได้ความเร็วเกิน 1000 Mbps ในราคาที่ต่ำกว่า 500 บาทต่อเดือน ถ้าใครอยากได้ความเร็ว 1000 Mbps ในราคาที่ต่ำกว่า 500 บาทต่อเดือนจริง ๆ อาจต้องไปหาโปรลับกับเซลล์หรือตัวแทนเอง และนอกจากนี้สัญญาการใช้บริการหลายค่ายก็เพิ่มจากเดิมที่ 12 เดือนไปเป็น 24 เดือนด้วย
และถ้าดูภาพรวมโปรโมชันในปีนี้จะพบว่าทาง True ทำหลายโปรออกมาได้เร้าใจกว่า AIS และได้เพิ่มมิติการรักษาความปลอดภัยของบ้านเข้ามาแพ็กเกจมากขึ้น เช่น จำนวนกล้องวงจรปิดที่ให้มาในบางแพ็กที่เยอะมาก หรือประกันภัยที่พักอาศัย และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะตัดสินใจติดตั้งเน็ตไม่ว่าค่ายไหน สิ่งที่ควรคำนึงมากที่สุดก่อนเรื่องราคาและความเร็วคือ สัญญาณในพื้นที่นั้นเป็นยังไงบ้าง กระตุก แลค หรือหลุดบ่อยไหม แนะนำลองสอบถามคนในพื้นที่ก่อนว่ามีปัญหาอะไรยังไงหรือเปล่า เพราะต่อให้ใช้โปรมีราคาดีแค่ไหน แต่สัญญาณไม่เสถียรก็ไม่มีความหมาย ใช้แล้วไม่ได้ตามที่คาดหวังจะกลายเป็นว่าเสียเงินโดยใช่เหตุเปล่า ๆ
